เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 พฤษภาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,091
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,296
    ค่าพลัง:
    +26,037
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,091
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,296
    ค่าพลัง:
    +26,037
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ความจริงงานสำคัญก็คือ ทำหน้าที่คณะกรรมการอำนวยการ ในการฝึกอบรมเจ้าอาวาสผู้ได้รับแต่งตั้งใหม่ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ รุ่นที่ ๓/๒๕๖๗ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่สนุกและได้ความรู้มาก แต่ว่าหลายท่านก็เบื่อ เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่แล้ววิทยากรก็ซ้ำหน้ากัน เนื้อหาที่พูดก็มักจะซ้ำกัน คำว่าซ้ำในที่นี้ก็คือซ้ำกับปีก่อน ๆ โน้น แต่ท่านทั้งหลายต้องยึดหลักในการฟังเทศน์ที่ว่าได้ทบทวนของเก่า ได้รับฟังของใหม่ ช่วยให้สภาพจิตผ่องใสเยือกเย็น เป็นต้น

    โดยเฉพาะวันนี้หลวงปู่ป่วน - พระครูธรรมสารรักษา (ป่วน ณฏฺฐโสภโณ) เจ้าอาวาสวัดบรรหารแจ่มใส รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นพระวิทยากร อีกไม่นานคาดว่าท่านจะได้เป็นพระราชาคณะ..!

    หลวงปู่ป่วนเป็นศิษย์หลวงปู่มุ่ย วัดดอนไร่ ดังนั้น..ในมุมหนึ่งของท่านก็คือพระเกจิอาจารย์มีชื่อของจังหวัดสุพรรณบุรี จึงทำให้การปลุกเสกวัตถุมงคล มักจะได้เจอหน้าเจอตากันบ่อย แล้วท่านก็เป็นคนที่จำคนแม่นมาก เจอหน้าครั้งแรก กระผม/อาตมภาพไม่ได้ใส่หน้ากาก พอเจอครั้งที่สอง ใส่หน้ากากมา ท่านยังจำได้และทักถูกอีกด้วย

    หลวงปู่ป่วนท่านเปิดการบรรยายด้วยการขอบคุณเจ้าอาวาสใหม่ทุกรูป ที่ยอมเสียสละมาตกนรกด้วยกัน..! ท่านว่าโบราณมีคำพูดว่า "อยากเป็นเปรตให้เป็นทายก อยากตกนรกให้เป็นสมภาร" แต่ว่าความจริงแล้ว ถ้าเราท่านเป็นนักปฏิบัติธรรมที่แท้จริง การมีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะสิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม เท่ากับเป็นการขัดเกลา ฝึกฝนตนเอง ต่ออารมณ์กระทบที่เป็นของจริง

    เราจะไปนั่งกรรมฐานเงียบ ๆ อยู่ในกุฏิ หรือว่าอยู่ในป่า แล้วก็เห็นว่าตัวเองจิตใจสงบเรียบร้อย รัก โลภ โกรธ หลง ไม่เกิด โปรดอย่าเชื่อเป็นอันขาด เนื่องเพราะว่าพอกระทบเข้าแล้ว เราจะรู้ทันที โดยปกติแล้วกิเลสเรา
    ถ้าโดนกำลังสมาธิกดเอาไว้จะนอนนิ่งอยู่ เหมือนกับน้ำที่ตกตะกอน ดูแล้วใสสะอาด แต่ถ้าโดนกวนเมื่อไร ตะกอนก็จะขุ่นขึ้นมาทันที..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,091
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,296
    ค่าพลัง:
    +26,037
    โดยเฉพาะบรรดาเจ้าอาวาสใหม่ ส่วนใหญ่พอเป็นเจ้าอาวาสแล้ว พฤติกรรมมักจะเปลี่ยนไป คำว่า "เปลี่ยนไป" ในที่นี้ก็คือสำคัญตนว่าใหญ่ กระผม/อาตมภาพเองเจอโยมบางท่านที่รู้จักสนิทสนมกัน มาทักทายตอนบิณฑบาตว่า "หลวงพ่อ..เป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้แล้ว ยังบิณฑบาตเองอีกหรือ ? วัดโน้นเพิ่งจะเป็นเจ้าอาวาส ก็ให้เณรบิณฑบาตให้ฉันแล้ว..!" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบิณฑบาตจนวันสุดท้ายของชีวิต ในเมื่อพ่อใหญ่มีปฏิปทาอย่างไร เราที่เป็นลูก หลาน เหลน ก็ควรที่จะมีปฏิปทาอย่างนั้น"

    ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ถ้าไม่ใช่งานด่วนจนต้องรีบออกจากวัด ถ้าอยู่วัด กระผม/อาตมภาพจะบิณฑบาตทุกครั้ง
    จะไม่ยอมขี้เกียจให้กิเลสมีอำนาจเหนือตนอย่างเด็ดขาด เนื่องเพราะว่าเข็ด แล้วก็เจ็บปวดกับการที่โดนกิเลสหลอก จนกำลังใจตก กว่าจะเอาคืนได้ บางทีก็หลายเดือน อย่างที่เคยปรารภว่า ภาวนาแล้วกำลังใจทรงตัว รู้สึกเหมือนจะเหาะจะบินได้ กำลังใจเหมือนนางฟ้า เหมือนเทวดา เผลอหน่อยเดียว ตกลงมาเป็นหมาเสียแล้ว..!

    ดังนั้น..ในเรื่องที่โบราณาจารย์ท่านวางรูปแบบเอาไว้ คือวางแบบให้เราขัดเกลาตัวเอง บางท่านก็ใช้คำว่า "มีบาตรไม่โปรด มีโบสถ์ไม่ลง มีอาบัติไม่ปลง แล้วจะเป็นสงฆ์ได้อย่างไร ?"

    โดยเฉพาะญาติโยมทั้งหลายอยากใส่บาตรพระที่หน้าบ้านตัวเอง ไม่ได้อยากใส่บาตรพระที่วัด..! กระผม/อาตมภาพยังคิดว่า การที่เราทำบุญทุกวันพระในช่วงเข้าพรรษา น่าจะขยายเป็นทำบุญทุกวันพระทั้งปี ต่อให้ไม่มีใคร เราก็ทำกันเอง ถือว่าหยุดกินฟรีสักวันหนึ่ง..! น่าจะเป็นการผ่อนคลายวัตรปฏิบัติได้ด้วย ถ้าญาติโยมเห็นไม่พระไปในวันพระบ่อย ๆ เดี๋ยวเขาก็มาใส่บาตรที่วัดเอง

    คำว่ามีโบสถ์ไม่ลง ก็คือไม่ลงสวดมนต์ทำวัตรอย่างหนึ่ง ไม่ลงพระปาฏิโมกข์อีกอย่างหนึ่ง การสวดมนต์ไหว้พระ ความจริงแล้วเป็นการสร้างสมาธิที่ดีมาก หลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านบอกว่า "จะให้ข้าไปนั่งกรรมฐานเป็นวันเป็นคืนอย่างเอ็ง ข้าทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าเรื่องสวดมนต์นี่ ท้าแข่งกันได้เลย..!"

    ท่านเองไม่ถนัดในการไปนั่งนิ่ง ๆ แต่ท่านสามารถนั่งสวดมนต์ได้เป็นชั่วโมง ๆ แล้วตลอด ๔ วันที่ผ่านมา ท่านก็นำทำวัตรเช้าทุกวัน บรรดาเจ้าอาวาสใหม่เสียอีก ที่มาช้าบ้าง ขาดบ้าง พอโดนเช็คชื่อ ทำท่าว่าจะไม่ให้ผ่านการอบรม ก็เริ่มมีการงอแง อ้างว่าป่วยบ้าง อ้างว่าไม่มีเสียงระฆังปลุกเหมือนที่วัดบ้าง แล้วแต่คนมันจะอ้าง..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,091
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,296
    ค่าพลัง:
    +26,037
    เพราะว่าพระเณรสมัยนี้ข้อเรียกร้องสูงมาก ให้สวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐาน กูก็งอแงไม่อยากจะทำ อ้างว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสยังไม่ลงเลย แต่วัดที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสลงมานั่งหัวโด่ตั้งแต่ตี ๓ กว่า ๆ ก็ไม่ลงเหมือนกัน สรุปว่าเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น ถ้ากระทั่งความดีที่จะทำใส่ตัวยังขี้เกียจ โอกาสที่จะเอาดีได้ก็น้อยมาก

    ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพจึงเป็นห่วงบรรดาเจ้าอาวาสใหม่ ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า เฉพาะแค่ ๔ จังหวัดในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ก็คือกาญจนบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี ปีนี้อบรมเจ้าอาวาส ๓ รุ่น รุ่นที่ ๓ นี้ ๘๑ รูป แล้วเจ้าอาวาสเก่าไปไหน ? ตาย สึก ลาออก มีกันอยู่แค่นี้ หรือถ้าประเภทต้องคดี หนีเตลิดเปิดเปิงอะไรนั่นก็ว่ากันไปอีกอย่างหนึ่ง

    ดังนั้น..เราจะเห็นว่าเจ้าอาวาสนั้นหายากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะว่าตามระเบียบกำหนดไว้ว่า ต้องพรรษาพ้น ๕ ก็คือต้องย่างเข้าปีที่ ๖ กระผม/อาตมภาพเคยตั้งรักษาการเจ้าอาวาสตั้งแต่พรรษา ๒ จนกระทั่งพ้น ๕ ถึงจะตั้งเป็นเจ้าอาวาสได้ เพราะว่าติดด้วยระเบียบตรงนี้

    คราวนี้ถ้าหากว่าบ้านเราเมืองเรายังนิยมการบวชแค่ ๓ วัน ๗ วัน ต่อไปคงจะหาเจ้าอาวาสไม่ได้ เพราะคุณสมบัติไม่ครบ ดีไม่ดี ก่อนที่กระผม/อาตมภาพจะมรณภาพ อาจจะได้เห็นว่า
    ประเทศไทยมีวัด แต่หาเจ้าอาวาสไม่ได้ นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต เพียงแต่ปรารภให้เราท่านทั้งหลายได้ฟังเอาไว้ว่าเรื่องบางอย่าง เราไม่ได้ตั้งความหวังไว้ ภาระก็หล่นใส่บ่าลงมา

    ดังนั้น..ถ้ามีโอกาส ต้องรีบขัดเกลาตนเอง ทั้งทางโลกและทางธรรม ให้มีความรู้ความสามารถให้มากที่สุด ถึงเวลาแบกรับภาระ จะได้ไม่รู้สึกว่าหนักมากนัก แต่ถ้าหากว่าไม่ขัดเกลาตัวเอง อยู่ ๆ ภาระตกลงมา โอกาสที่จะโดนภาระทับตายก็มีสูงมาก..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...