@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    #การทำบุญกับพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติกับการถวายสังฆทานใครจะมีอานิสงส์มากกว่ากัน..
    #หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงเล่าให้ฟังว่า
    #สมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์อยู่ เวลานั้นสาวกองค์ผู้ใหญ่ขององค์สมเด็จพระบรมครูคือ
    #ถ้าทำบุญคนเดียวนะ #หลายคนก็ไม่มีผลตามนั้นมันมีแต่ความคล่องตัว #ถ้าทำบุญคนเดียวคนนั้นถ้าเป็นขอทานอยู่ #จะเป็นมหาเศรษฐีวันนั้น
    ท่านก็มองไปมองมา ก็ยังไม่ทราบ เพราะว่า ยังมองไม่เห็นใคร กำลังจะเริ่มมองว่าใครจะใส่บาตร ก็พอดีบรรดาพวกนางฟ้าซึ่งเป็นบริวารของพระอินทร์ทราบว่า พระมหากัสสปะ ออกจากนิโรธสมาบัติ
    ก็พากันยกกันมาเป็นฝูง จะมาใส่บาตรกับ พระมหากัสสปะ มาในฐานะรูปร่างหน้าตาของนางฟ้า
    ในเมื่อพระมหากัสสปะเห็นเข้าก็บอกว่า : "เธอจงหลีกไป"
    นางฟ้าก็บอกว่า : "ฉันจะมาทำบุญกับพระคุณเจ้า"
    พระมหากัสสปะ ก็บอกว่า :
    "เธอเป็นนางฟ้าไม่ใช่คนยากจน"
    พระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ ต้องการสงเคราะห์คนยากจนเข็ญใจ ให้มีความสุข
    ในเมื่อพระมหากัสสปะไล่ นางฟ้าก็ต้องไป..
    ก็เป็นการพอดี เวลาวันก่อนหน้านั้นวันหนึ่ง พระอินทร์ท่านไปสวนนันทวัน เทวดาทั้งหมดก็ตามไป ปรากฏว่าไปเจอเทวดา ๔ องค์ มีแสงสว่างมากกว่าพระอินทร์ แต่เกิดทีหลัง พระอินทร์ไม่ทราบ เพิ่งเห็นในวันนั้น
    เห็นเข้าแล้วก็ถามปัญจสิกขเทพบุตร ถามว่า : "เทวดา ๔ องค์ มาเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่."
    ปัญจสิกขเทพบุตร ก็บอกว่า : "เพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เองครับ"
    พระอินทร์เห็นว่าเทวดาที่เป็นลูกน้องมีแสงสว่างมากกว่า ก็ไม่สบายใจ ประกาศสั่งกลับ เวชยันตวิมาน ทันที
    แล้วก็มานั่งนึกดูว่า เวลานี้มีที่ไหนบ้างที่จะเป็นบุญกุศลใหญ่ก็ทราบว่า พระมหากัสสปะออกจากนิโรธสมาบัติ ตั้งใจจะไปใส่บาตร..
    ขณะที่ท่านเตรียมตัวอยู่ พอดีนางฟ้าทั้งหมดก็กลับไปถึงพอดี..
    นางฟ้าก็ถามว่า : "พ่อเจ้าจะไปไหน"
    ท่านก็บอกว่า : "ฉันจะไปใส่บาตร พระมหากัสสปะ"
    พวกนางฟ้าบอกว่า : "อย่าไปเลยเจ้าค่ะ พวกฉันไปมาแล้ว ท่านพระมหากัสสปะท่านไล่กลับมา ท่านบอกท่านจะสงเคราะห์คนจน"
    พระอินทร์ ก็เลยบอกว่า : "
    ถ้าไปอย่างเธอ พระมหากัสสปะก็ขับ ถ้าไปอย่างฉันพระมหากัสสปะไม่ขับ..
    ท่าน ๒ คน ตายาย ก็แปลงเป็นคนแก่ เนรมิตกระท่อมหลังเล็ก ๆ อยู่ชายเมือง ทำเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูกไม่มีหลาน เอาจิตตั้งใจนึกว่าวันนี้เราจะไปเราจะใส่บาตร พระมหากัสสปะ ..
    ถ้าจิตใครเขานึกอยู่ความเป็นทิพย์นี่มันจะชนกันทันที..
    พอดีพระมหากัสสปะ ก็ใคร่ครวญคิดว่า.. วันนี้จะมีใครใส่บาตรกับเราบ้าง จิตก็ไปชนกันเข้ากับ ๒ คนตายาย อยู่นอกเมือง แก่มาก ลูกหลานก็ไม่มี ต้องทำเลี้ยงตัวเองมี ความลำบาก และก็มีความยากจน ฉะนั้นวันนี้เราจะสงเคราะห์ให้ ๒ คนตายายเป็นคนร่ำรวย..
    จึงได้ห่มจีวร ประคองบาตร แล้วก็เหาะไปจากยอดภูเขา พอใกล้จะถึงที่นั่น ก็ลงเดิน เดินไป..
    เวลานั้นพระอินทร์ท่านแปลงเป็นคนแก่ ทำทีเหมือนคนดายหญ้าถากหญ้าถอนหญ้าอยู่..
    เห็นพระมหากัสสปะเข้าท่านบอกว่า : "เอวังปิตัตถะ ภันเต" ซึ่งแปลว่า ขอพระคุณเจ้าหยุดก่อนเถิดเจ้าข้า นิมนต์ก่อนขอรับ..
    พระมหากัสสปะ ก็หยุด ท่านก็แกล้งเรียกชายา ว่า : "ยาย.. อาหารของเราเสร็จหรือยัง เวลานี้พระท่านมาโปรด"
    ยายก็บอก : "เสร็จแล้วเจ้าข้า"
    เห็นไหมพระอรหันต์ก็ถูกต้มเหมือนกัน ไม่ต้ม.. นี่ขั้นตุ๋นเลยนะ และความจริงความเป็นทิพย์พระอรหันต์ นี่ไม่ได้ใช้ทุกเวลานะ ใช้เฉพาะเวลา ไม่เหมือนพระพุทธเจ้า..
    เวลาที่มีความจำเป็นต้องการจะรู้ จึงจะรู้ ถ้าไม่มีความจำเป็นก็ไม่รู้ และสิ่งที่เขาทำมาแล้วในกาลก่อนต้องการรู้ก็รู้ได้ และส่วนใหญ่ พระอรหันต์ นี่ ไม่อยากจะรู้ เพราะขี้เกียจรู้ ซึ่งมันเป็นกังวล..
    ท่านยายก็นำอาหารมาให้ตา สองคนตายาย ก็ช่วยกันใส่บาตรอาหารอันเป็นทิพย์..
    ที่พระมหากัสสปะท่านอยู่ในป่าท่านฉันเป็นปกติ อาศัยเทวดาฉัน..
    พอใส่ในบาตรไอ้กลิ่นอาหารที่เป็นทิพย์ ก็ไปชนจมูกท่านพระมหากัสสปะ เข้า แตะจมูกนะ แตะจมูกหน้าหงาย ตาโพลงแล้วนี่ พอตาโพลงลุกขึ้นมา มีความสงสัย ก็ทราบทันทีว่า
    นี่คือ พระอินทร์
    ก็ถามท้าวโกสีย์ : "ทำไมถึงทำแบบนี้."
    พระอินทร์ก็ถาม : "ทำไมครับ ผมจะใส่บาตร"
    พระมหากัสสปะ ถาม : "ทำไมมาแย่งคนจน.. พระออกจากนิโรธสมาบัติ เขาจะสงเคราะห์คนจน"
    พระอินทร์ก็บอกว่า : "ผมก็จนครับ"
    ท่านถามว่า : "จนยังไง ในเมื่อเป็นหัวหน้าเทวดา"
    ท่านก็เลยบอกว่า : "เวลานี้ มีเทวดาเกิดใหม่ ๔ องค์ มีแสงสว่างมากกว่าผม ผมในฐานะที่เป็นราชาปกครองเทวดา มีแสงสว่างไม่เท่าเขา ผมทนไม่ไหว จำต้องทำบุญต่อ"
    พระมหากัสสปะ ก็บอกว่า : "ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ"
    มันเสร็จไปแล้ว เขาใส่บาตรแล้วบุญเขาได้แล้วใช่ไหม
    บอกว่า.. "ทีหลังท้าวโกสีย์อย่าทำอย่างนี้อีกนะ"
    พระอินทร์ท่านก็ไม่ตอบ..
    แสดงว่าไม่ยอมรับใช่ไหม
    ถ้าโง่ต่อไปอีกก็เอาอีก..
    ก็เป็นอันว่า เมื่อพระมหากัสสปะปิดบาตรกลับ พระอินทร์ก็เหาะขึ้นไปบนอากาศ และก็กล่าววาจาถึงข้อความปลื้มใจว่า..
    "สุทินนัง วะตะ เม ทานัง อะโหทานัง ปรมัตทานัง มหากัสสเปนะ อาสวักขะยาวะหัง โหตุ"
    แปลง่าย ๆ บอก.. ทานที่เราถวายพระมหากัสสปะเป็นทานที่ดีแล้ว ต่อไปข้างหน้าขอให้ฉันไปนิพพานเถอะ"
    เสียงนี้ก็ก้องไปถึงในวิหาร ที่พระพุทธเจ้ากำลังเทศน์อยู่..
    พระก็ถามองค์สมเด็จพระบรมครูว่า : "เสียงอะไรพระพุทธเจ้าข้า."
    พระพุทธเจ้าก็บอกว่า : "ภิกษุทั้งหลาย กัสสปะลูกตถาคต เสียท่าพระอินทร์อีกแล้ว"
    เห็นไหม.. พระถูกต้ม..
    ก็เป็นอันว่า การทำบุญของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทในวันนี้ ถ้าจะถามว่า.. #การทำบุญกับพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ กับการถวายสังฆทานใครจะมีอานิสงส์มากกว่ากัน.. การออกจากนิโรธสมาบัติ ยังเป็นทานส่วนบุคคลนะ เป็นเฉพาะบุคคล การถวายสังฆทานเป็นทานในหมู่สงฆ์ การถวายสังฆทานมีอานิสงส์มากกว่า..."



    #บทความจากหนังสือธัมมวิโมกข์พ.ศ.๒๕๕๔ ฉบับที่ ๓๖๓ หน้าที่ ๑๖-๑๘



    2PSfBR0mNLfh-3J3IjNuYIP76yo395qR_OymWifOK3NBNLd_7WKwZpcabFE5g&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
    j2O8rrGXmjwPDkAdHJ4Gba6sFI7kr_gRl&_nc_ohc=umHu7SIMPr8AX-8xjFq&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
    SlUQvVikRrMlNbtwkBKtcxUKn2rrj6C8m&_nc_ohc=zz3J3ZSt01kAX9UB3JZ&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-3.jpg


    ที่มา https://web.facebook.com/Bodhisattva5665?locale=th_TH
     
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    หลวงปู่จันทร์ เขมิโย กับ ปลาพระโพธิสัตว์


    หลายคนคงจะสงสัยว่า การเกิดมาเพื่อบำเพ็ญบารมีเพื่อจะไปเป็นพระพุทธเจ้า ในพระไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้นั้น มีจริงหรือไม่ ลองอ่านเรื่องนี้แล้วพิจารณาดู
    เหตุเกิดที่จังหวัดนครพนม ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม โดยท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์ (หลวงปู่จันทร์ เขมิโย) ท่านเล่าเอาไว้ว่า มีอยู่คืนหนึ่งท่านกำลังทำสมาธิกรรมฐาน ก็ปรากฏภาพนิมิตขึ้นในสมาธิ เป็นภาพของแอ่งน้ำกำลังแห้งมีปลาอยู่ ๖ ตัว เป็นปลาหมอ ๓ ตัว ปลาดุก ๓ ตัว กำลังดิ้นรนกระเสือกกระสนอยู่ ท่านจึงกำหนดจิตถามว่า เป็นคู่เวรคู่กรรมมาทวงหนี้เวรกรรมหรือไม่
    ปลาเหล่านั้นตอบว่า พวกเราเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดเป็นปลาเพื่อบำเพ็ญบารมี แต่ถูกกระแสกรรมทำให้ถูกนายบุญช่วย สุวรรณทรรภ จับมาขังเอาไว้ในตุ่มน้ำในสวนกล้วยติดหลังวัด ตอนนี้น้ำกำลังแห้ง ถ้าตายก่อนจะหมดโอกาสบำเพ็ญบารมี
    หลวงปู่จึงถามว่า เหตุใดจึงมาปรากฏในข่ายฌานสมาธิของท่าน
    ปลาโพธิสัตว์เหล่านั้นตอบว่า พวกเราตั้งจิตอธิษฐานว่า ด้วยกุศลผลบุญที่บำเพ็ญเพียรเพื่อปรารถนาพุทธภูมิในอนาคต ขอให้เราได้ปรากฏในข่ายฌานของผู้ทรงศีล ที่เคยเกื้อกูลกันมาก่อนในอดีตชาติ จึงได้มาปรากฏในข่ายวิถีฌานสมาธิของท่าน
    ตอนแรกหลวงปู่คิดว่าเป็นนิมิตมายา จึงอธิษฐานจิตซ้ำว่าถ้าเป็นภาพนิมิตมายาขอให้ดับหายไป ถ้าเป็นนิมิตจริงขอให้ปลาเหล่านี้สวดพระพุทธคุณให้ได้ยิน ปรากฏว่าเมื่ออธิษฐานเสร็จ ปลาเหล่านั้นก็พากันสวดสรรเสริญพระพุทธคุณว่า นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ตัวละ ๓ จบเรียงกันไปจนครบหกตัว ท่านได้ยินดังนั้นจึงรับปากว่าจะช่วย
    รุ่งเช้าท่านออกบิณฑบาตไปจนถึงบ้านของโยมอุปัฏฐาก วันนั้นลูกสาวของโยมอุปัฏฐากชื่อ เยี่ยม หอมหวล อายุขณะนั้น ๑๐ ขวบ เมื่อใส่บาตรแล้วก่อนที่หลวงปู่จะไปบ้านอื่นต่อ จึงสั่งเด็กหญิงผู้นั้นว่า ตอนสางหลังกินข้าวเสร็จแล้วให้เอาขันน้ำใบใหญ่ๆ ไปหาท่านที่วัดด้วย
    หลังจากนั้นเด็กหญิงก็เอาขันน้ำไปที่วัดตามที่หลวงปู่สั่ง เมื่อไปถึงหลวงปู่ก็สั่งว่าให้เอาน้ำใส่พอประมาณและให้ไปขอปลาหกตัวกับนายบุญช่วย ที่ขังเอาไว้ในตุ่มน้ำในสวนกล้วยติดกับหลังวัด ซึ่งเด็กหญิงผู้นี้ก็รู้จัก พร้อมกำชับไว้ด้วยว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามต้องเอาปลามาให้ได้
    เมื่อเด็กหญิงไปถึงพบนายบุญช่วย จึงบอกว่าเจ้าคุณปู่ให้มาขอปลาหกตัว เป็นปลาหมอ ๓ ตัวปลาดุก ๓ ตัวที่ขังไว้ในสวนกล้วย นายบุญช่วยแปลกใจ แต่ก็บอกว่าไม่รู้ว่าปลามีหรือไม่ ถ้าไม่มีให้กราบเรียนหลวงปู่ด้วยว่าไม่มี แล้วไปที่สวนกล้วย
    พอไปถึงกระต๊อบท้ายสวน นายบุญช่วยก็นึกได้ว่าตนเคยไปหาปลาและได้นำมาขังไว้จริง แต่นานแล้วจนลืม จึงอุทานว่าหลวงปู่เก่งจังที่รู้ว่าตนขังปลาไว้จนลืมไปแล้ว จึงรีบไปดูที่ตุ่มกลางกอกล้วย ปรากฏว่าเห็นปลาอยู่หกตัวตามที่หลวงปู่บอกมาจริง จึงจับปลาใส่ขันให้เด็กหญิง แล้วตามมาจนถึงวัด
    เมื่อพบหลวงปู่ จึงบอกว่าหลวงปู่เก่งที่รู้ว่ามีปลาถูกขังจนลืม
    หลวงปู่บอกว่า ท่านไม่เก่ง ปลาเหล่านี้ต่างหากที่เก่ง เพราะสามารถส่งกระแสจิตไปขอความช่วยเหลือจากท่านได้ โชคยังดีที่ยังไม่ได้เอาไปทำอาหาร เพราะจะเดือดร้อนทั้งครอบครัว จากนั้นหลวงปู่ก็ทำน้ำมนต์พรมให้ปลาแล้วอธิษฐานให้ปลานั้นปลอดภัย สามารถบำเพ็ญบารมีต่อได้จนหมดอายุขัย แล้วนำไปปล่อยที่แม่น้ำโขง น่าแปลกคือ เมื่อปล่อยปลาลงน้ำแล้วแทนที่มันจะรีบว่ายหนี กลับพากันกระโดดขึ้นเหนือน้ำสามครั้งเหมือนกับจะแสดงการคารวะหลวงปู่ จากนั้นก็พากันว่ายน้ำหายไป
    ..............
    จาก...หนังสือ “ชีวประวัติและปฏิปทาหลวงปู่จันทร์”
    คณะศิษยานุศิษย์พิมพ์อุทิศถวายท่านเจ้าคุณปู่
    พระเทพสิทธาจารย์ (เขมิยเถระ จันทร์ สุวรรณมาโจ)
    ในงานเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพพระเทพสิทธาจารย์
    ณ เมรุวัดศรีเทพประดิษฐาราม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม
    วันเสาร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๒ ฉบับพิมพ์ปี ๒๕๕๐
     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    2705.png ไม่เกินวิสัยแห่งกรรม 2705.png
    การอธิษฐานขออะไรก็ตาม ครูบาอาจารย์สอนไว้ว่า เมื่ออธิษฐานสิ่งที่เราปรารถนาเสร็จแล้วให้พูดตบท้ายว่า “ถ้าไม่เกินวิสัยแห่งกรรมได้โปรดเมตตาสงเคราะห์...ให้สำเร็จด้วยเถิด” คำนี้จะไม่ดูเป็นการไปสั่งบังคับท่าน แล้วโอกาสสำเร็จจะมีมากกว่า

    คำสอนของพระอาจารย์เอ

    eem7Ra-TZkDrikayeyCuynpj0TJK_2LHm&_nc_ohc=f3LifLpEN5UAX9KnA62&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-8.jpg
     
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    ?temp_hash=0f132b9f42b41cb95d25bca63237fac4.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
     
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
     
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    "..พระพุทธเจ้าต้องการให้จิตมันเห็นจิต มันไม่เห็นให้บริกรรมให้เห็น ต้องการให้มันเบื่อหน่าย ให้มันเห็นว่าไม่ใช่ตน สิ่งเหล่านี้ ธาตุทั้ง ๔ ก็ดี ล้วนตกอยู่ในไตรลักษณ์ทั้งนั้น อายตนะก็ดีตกอยู่ในไตรลักษณ์หมดทั้งนั้น เรามาสำคัญว่าหู ว่าจมูก ว่าตา ว่าลิ้น ว่ากาย ว่าใจเป็นของเรา เป็นเหตุให้ยึดมั่นถือมั่น นั่งก็ให้มีความเจ็บ เจ็บบั้นเอว ปวดหลัง ปวดเอว ปวดขาอะไรนั้น สมาธิก็ต้องออก ท่านจึงให้สู้มัน ไม่ต้องหลบมัน เราจะสู้ข้าศึกก็ต้องอย่างนั้นแหละ ต้องมีขันติความอดทน ทนสู้กับความเจ็บปวดทุกขเวทนา ดูมัน จิตมันถูกอันใดอันหนึ่ง จะหาความสุขใส่ตนก็มีแต่ฝึกฝนทรมานตนนั่นแหละ พระพุทธเจ้าท่านว่า สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธานสาสนํ ให้ทรมานจิตฟอกฝนจิตของเรา ฝนจิตให้มันว่าง ให้มันรู้เท่าความเป็นจริง ไม่ยึดมั่นถือมั่น จิตนั่นแหละจะทำประโยชน์มาให้ในชาตินี้ คือนำความสุข คือนิพพานมาให้ หรือจิตเรายังไม่พ้น ก็จะนำสวรรค์มาให้ นำเอาความสุขมาให้ตราบเท่าตลอดเวลา ตราบเท่าชีวิต แล้วมีสติคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป..''
    ====================
    หลวงปู่ขาว อนาลโย
    วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
     
  11. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    Tw7gP4fa-S1F6ljTfJK9paFFQXwx6O&_nc_ohc=67EKzrMNVtAQ7kNvgHv5lZL&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-8.jpg
     
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
  13. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,187
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...